วันศุกร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2552

อนุทิน

28 ส.ค. 52 วันนี้เป็นกีฬาสีวันสุดท้าย เมื่อวานว่าจะวิ่ง 800 ม. แต่ผมมาไม่ทันกินข้าวอยู่ เลยอดวิ่งไป อุตส่าห์คัดตัวมา วันนี้เลยขอวิ่ง 3,000 ม. ก็แล้วกัน ผมซ้อมมาแค่ 1,000 ม. แต่มาวิ่ง 3,000 ม. ก็เหนื่อยพอได้เหมือนกัน ตอนปล่อยตัวผมอยู่ที่3 แต่พอไปได้สัก 500 ม. ไปอยู่ที่ 4 และ 5 ตามลำดับ เมื่อถึงเส้นชัยกองเชียร์ก็เชียร์ผม ทำให้มีกำลังใจในการวิ่งเพิ่มขึ้น สุดท้ายแล้วเข้าที่ 5 ของโรงเรียน อดถ้วยรางวัล ในใจผมหวังว่าจะเอาที่หนึ่ง แต่มันก็ไม่สำเร็จ พอวิ่งเสร็จผมได้วิ่ง 400 ม. ต่อคราวนี้ที่โหล่ดีกว่า แรงก็หมด คู่ต่อสู้ก็นักวิ่งกันทั้งนั้น อายเขาด้วย เลยผมเลิกวิ่งเลยตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา หันมาชมดีกว่า มีการประกวดกองเชียร์ และหรีดเดอร์ เต้นกันสนุกมาก และพิธีปิดก็เป็นไปอย่างเรียบร้อย

วันจันทร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2552

อนุทิน

24 ส.ค. 52 วันนี้เป็นวันกีฬาสีวันแรก พิธีเปิดก็ไม่น่าสนใจเท่าไหร่ เพราะเขาต้องการความพอเพียง มีกีฬาหลายอย่าง ผมอยู่สีเหลือง ได้ลงแข่งฟุตบอล รอบเช้าเจอสีม่วงชนะ1-0 พอรอบบ่ายเจอสีเขียวแพ้2-0 การเล่นทั้งสองรอบนี้ทำให้ร่างกายผมล้ามากปวดเมื่อยตามร่างกาย ผมรู้สึกไม่ค่อยสนุกกับการเล่นเท่าไหร่ ผมเล่นไปตามหน้าที่เท่านั้นเอง เพราะพวกพี่ๆในทีมเขาไม่ค่อยสนใจผม เหมือนผมไม่มีตัวตนอยู่ในสนาม จึงเล่นไปแบบเซ็งๆ พอกลับไปบ้านก็เหนื่อยล้าเหมือนกัน แต่เป็นเรื่องเล็กน้อย เพราะชีวิตของผมมีอะไรที่เหนื่อยล้ากว่านี้อีกมากมาย

วันเสาร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2552

อนุทิน

22 ส.ค. 52 วันนี้ผมตื่น 8.00 น. ครับ หลังจากที่ให้แม่ปลุก 6.00 น. ผมยังไม่ยอมลุก ต้องมาปลุกรอบที่ 2 ตื่นมาแล้วอ่านหนังสืออย่างเดียวครับจนถึงประมาณบ่ายโมงครับ หลังจากนั้นไปเข้าพักนอนกลางวันครับ เพราะเมื่อคืนวันศุกร์นอนตีสี่ ต้องนอนชดใช้ครับ นอนจนถึงสี่โมงเย็นครับ จึงได้มากินข้าวกลางวัน พอเวลาประมาณ 6 โมงเย็นจะไปออกกำลังกายครับ ให้ร่างกายแข็งแรงครับ เพราะผมนอนดึกเกือบทุกวัน ถ้าไม่ออกกำลังกายบ้างอาจทำให้ไม่สบายได้ครับ

วันเสาร์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2552

งานเขียนของครูอมรา เขียนแสดงความคิดเห็นเรื่อง “ตุ๊ดตู่ผู้น่ารัก”

ผมคิดว่าตุ๊ดตู่น่าจะเป็นแบบอย่างที่ดีกับคนที่เกียจคร้าน ไม่ทำงาน จาการที่ตุ๊ดตู่ออกมาจากบ้านของเขา มาอยู่ที่โรงแรมนั้น อาจเป็นเพราะว่าเขาต้องการที่จะช่วยแบ่งเบาภาระจากพ่อแม่ ไม่อยากให้พ่อแม่ต้องลำบาก แสดงให้เห็นถึงความกตัญญู จนกระทั่งตุ๊ดตู่ได้เข้ามาอยู่ในโรงแรมกับพี่เลิศ เขาก็ไม่ได้อยู่เฉยๆ เขาพยายามจะช่วยงานพี่เลิศ ส่วนใหญ่ตุ๊ดตู่จะชอบงานบริการเช่น โบกรถ และปิดประตูรถให้กับผู้ที่เข้ามาจอดรถ การดำรงชีวิตของตุ๊ดตู่ก็ไม่ได้แบมือขอเงินใคร เงินทุกบาททุกสตางค์ มาจากการทำงานของเขา แสดงให้เห็นถึงการพึ่งตนเอง แม้คนอื่นเห็นว่างานเก็บขยะ ทำความสะอาดบริเวณต่างๆ เป็นงานที่ต้อยต่ำ แต่ผมคิดว่าสำหรับตุ๊ดตู่นั้น เป็นงานที่สร้างรายได้ให้แก่เขา ซึ่งเขาเป็นคนรักความสะอาด เห็นอะไรไม่สะอาดจะต้องทำให้สะอาด การที่เขาเดินรุนรถเก็บขยะ ทำให้ชาวบ้านที่มองเห็น พยายามจะช่วยเหลือเขา โดยการเก็บขยะไว้ให้ หรืออาจจะให้อาหารมากิน โดยตุ๊ดตู่จะไม่ขอใครกิน จะรับของอย่างเดียว ก่อนรับจะกล่าวขอบคุณก่อน แสดงให้เห็นถึงความมีสัมมาคารวะของเขา ความมีน้ำใจของชาวบ้าน ทำให้ขาวบ้านไม่รังเกียจความพิการของเขา ในขณะที่รุนรถเข็นขยะ เขาจะใส่ถุงมือเพื่อป้องกันเชื้อโรค แสดงให้เห็นถึงการรักษ์ความสะอาด ละเอียดรอบครอบของเขา หลังจากเก็บขยะเสร็จในช่วงเช้า เขาจะกลับมาอาบน้ำ ชำระร่างกาย เนื่องจากการรักษ์ความสะอาดของเขา ทำให้วันหนึ่งๆ เขาจะอาบน้ำหลายรอบ และน้ำที่ใช้ซักผ้า กับอาบน้ำนั้นใช้น้ำชนิดเดียวกันโดยการใช้น้ำซักผ้าก่อน แล้วนำมาอาบน้ำต่อ เพราะในโรงแรมค่าน้ำแพง เขาคิดจะช่วยพี่เลิศประหยัดเท่าที่จะทำได้ และในช่วงบ่าย เขาจะไปเก็บขยะ และทำความสะอาดเมืองชุมพรต่อ ท่ามกลางแสงแดดที่ร้อนอบอ้าว เขาก็ไม่กลัว เดินไปด้วยความปกติ เขาจะมิอัธยาศัยดี เพราะเจอคนที่รู้จักก็มีการทักทายกัน เขารู้จักแบ่งปันของที่ชาวบ้านให้เขามา ถ้ามีคนมาขอ เขาจะให้ แสดงถึงความมีน้ำใจ ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เมื่อได้ขยะมาก็รู้จักแบ่งเป็นหมวดหมู่ เพื่อสะดวกต่อการนำไปจำหน่าย เงินที่ได้เขาตั้งใจที่จะให้แม่ แสดงให้เห็นให้เห็นถึงความตั้งใจของเขา พอตกเย็น เขาจะแต่งตัวไปเล่นกีฬากีบพี่เลิศ ถึงเขาจะเล่นตะกร้อกับเพื่อนๆพี่เลิศไม่ได้ เขาก็พยายามออกกำลังกายเพื่อให้ร่างกายแข็งแรงโดยการวิ่ง หรือช่วยเก็บตะกร้อ แสดงให้เห็นถึงความรักษาสุขภาพให้แข็งแรง และมีน้ำใจ เมื่อเขาเห็นผู้หญิงมาออกกำลังกายเขาจะชอบดู เพราะเป็นธรรมชาติของผู้ชายที่ชอบมองผู้หญิง บางวันตุ๊ดตู่จะแต่งชุดจราจรอย่างมีระเบียบไปโบกรถกลางถนน ซึ่งเป็นงานบริการที่เขาชอบ ตุ๊ดตู่เป็นคนง่ายๆ อย่างไรก็ได้ เช่น การนอน พอปูเสื่อเสร็จเอาหมอนวางก็นอนได้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนๆ บางวันตุ๊ดตู่ต้องการหาความสุขนอกบ้าน จึงไปร้านคาเฟ่ ก่อนไปเขาจะแต่งตัวให้หล่อ เพื่อไหโชว์สาวๆร้านคาเฟ่ แสดงให้เห็นถึงความรักสวยรักงามของเขา การไปคาเฟ่ ก็เพื่อไปนั่งคุย หรือมอบดอกไม้กับสาวคาเฟ่ มิทำอะไรนอกเหนือจากนั้น แสดงให้เห็นถึงความเป็นสุภาพบุรุษของเขา ตุ๊ดตู่มีความสุขเพราะเขาเป็นคนขี้เล่น เขาเข้ากับคนอื่นๆได้ดี ผมคิดว่า คนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกที่จะทำตัวอย่างไรได้ให้เป็นประโยชน์ต่อสังคม และประเทศชาติ ผมอยากให้คนที่เกียจคร้าน ไม่ทำงานในวันนื้ เมื่อได้ฟังเรื่องนี้ไปแล้ว จะนำแบบอย่างวิถีชีวิตไปปรับใช้ในสังคมได้อย่างเหมาะสม และเกิดผลดีที่สุด

วันศุกร์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2552

งานเขียนของครูเกยูร "Realize"

“Mother” It is an importance word. Because if we don’t have mother. We won’t can born in this world. So, Mother give our life to us. We should love her a lot.
My mother is teacher. So, She teaches her children well. I obey her all long. But 3 years ago, I studied M.1-3. I made her sad. I disputed her. I persisted. And I did bad things. Because I began to be a teenager. My feeling were changed. But in present, I am not going to do that same. Because I realize. I am going to obey her every things and intend to study. I want her proud from me. On mother day in this year. I will give a jasmine to her. That means is a gratitude and a consciousness from me. And I will say that “I love mom”. I hope her is happy. And understand me.
The children should love mother. And make mother are happy. The mothers don’t want a lot of things. They want their children are good children.

วันอังคารที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2552

อนุทิน

11 ส.ค. 2552 วันนี้เป็นวันที่ผมใส่ชุดนักศึกษาวิชาทหารวันแรก มันใส่ยากตรงรองเท้า ผมใช้เวลาใส่รองเท้าประมาณ 15 นาที เมื่อมาถึงโรงเรียนพอก้าวเดินโดยใส่รองเท้าด้วย รู้สึกหนักเท้ามากเพราะเป็นรองเท้าคอมแบ็ท และต้องใส่ซิ่งขาด้วย แต่ผมก็คิดว่าเป็นชุดที่ใส่แล้วดูเท่อีกชุดหนึ่ง พอถึงเวลาเรียน รด. ผมก็ขี่รถเครื่องไปเรียนที่วังบ้านปืน พอเริ่มเรียนก็ถูกทำโทษเสียแล้ว เพราะตอนครูฝึกเรียกรวม นักเรียนไม่วิ่งมาเข้าแถว ส่วนใหญ่จะเดินกัน เลยเดินหมอบ และกลิ้งไปที่สนามหญ้า ตอนหมอบไม่เท่าไหร่ แต่ตอนกลิ้งนี่ผมเวียนหัวมาก เหมือนโลกหมุนยังไงก็ไม่รู้ ระหว่างเรียนก็โดนทำโทษไปเรื่อยๆ และโดนดันพื้นประมาณ 50 ครั้งได้ มันไม่เหนื่อยเท่าไหร่ แต่ความร้อนจากพื้นยางมอตอย มาสัมผัสกับมือของเรามันรู้สึกร้อนมาก แต่อย่างไรก็ต้องทนให้ได้ เพราะบรรพบุรุษของเราต้องเหนื่อยยิ่งกว่าเราอีกหลายสิบเท่า ที่เขาช่วยรักษาแผ่นดินไทยมาถึงทุกวันนี้ เมื่อผมเรียนเสร็จก็ขี่รถเครื่องไปส่งเพื่อนที่โรงเรียนกวดวิชา SIAM CADET และขี่รถเครื่องกลับบ้าน